เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๑๘ ม.ค. ๒๕๕o

 

เทศน์เช้า วันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๕๐
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

วันนี้วันพระ พระคือผู้ประเสริฐ เราจะประเสริฐ เห็นไหม ถ้าใจเราประเสริฐ ใจเราประเสริฐนะ คนมันเห็นอะไรมันจะเห็นผิดเห็นถูก ใจไม่ประเสริฐนะ มันเห็นผิดตั้งแต่หัวใจเรานะ ทำไมเราทุกข์ยากอย่างนี้ ทำไมเราเจ็บปวดอย่างนี้ ทำไมเราเป็นภาระอย่างนี้

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเวลาเผยแผ่ธรรม เห็นไหม โลกธรรม ๘ น่ะ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอก “ไม่มีใครโดนโลกธรรม ๘ เท่ากับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า” เป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เห็นไหม เขาจ้างคนมาด่า เขาจ้างอะไร แล้วพวกลัทธิต่างๆ ที่ว่าทฤษฎีที่ขัดแย้งกันนี่ เขาจ้างคนมาฆ่าพระโมคคัลลานะ เขาทำได้ขนาดนั้น เห็นไหม

เราบอกว่า ทำดีแล้วได้ดีไง ทำดีต้องได้ดี ดีคือผลดีของเรา แต่คนพาลมันไม่ยอมน่ะ คนพาลมันเห็นว่าเราทำดีแล้วมันไปขัดแย้งผลประโยชน์เขา ดูทางโลกสิ ทางโลกถ้าขัดแย้งผลประโยชน์กัน เขาจ้างฆ่ากัน เห็นไหม เพราะอะไร มันขัดแย้งผลประโยชน์ เขาว่านี้เป็นเรื่องธุรกิจ เขาทำกันอย่างนั้น เห็นไหม ไอ้นั่นเป็นเรื่องของคนพาล เพราะอะไร ธุรกิจมันก็คือเงินทอง คือข้าวของเงินทอง คือเครื่องใช้ไม้สอยในชีวิตนี้ เครื่องใช้ไม้สอยของชีวิตนี้ ฟังคำว่าชีวิตนี้สิ ชีวิตนี้มีคุณค่ากว่านั้น เห็นไหม เราหาสิ่งนั้นมาเพื่อดำรงชีวิตไง แล้วถ้าชีวิตนี้มันมีคุณค่า เรารักษาชีวิตเรานี่ เราไม่เอาสิ่งที่เป็นโทษเป็นภัยเข้ามากับชีวิตเรา

นี่วันนี้วันพระ เห็นไหม ถ้าใจมันประเสริฐขึ้นมานี่ ทำไมมันเสียสละได้ล่ะ เราเสียสละตรงนี้เพื่ออะไร เราเสียสละเพื่อให้เปิดอากาศ เปิดการถ่ายเทของความหมักหมมของใจ ถ้าคนฉลาดนะ ดูสิ เวลาเราปลอดโปร่ง เรามีความสบายใจนี่เราจะมีความสุขมาก แต่ถ้าเรามีความกดดัน เรามีความอัดอั้นตันใจ เราจะมีความทุกข์มาก นี่ก็เหมือนกัน หัวใจของเรานี่ ถ้ามีการเสียสละ การเปิด การถ่ายเท เห็นไหม การถ่ายนี่คือการเสียสละทาน

การทำทาน เห็นไหม ครูบาอาจารย์บอกว่า ทานนี่ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเกิดมาจากทาน เพราะอะไร เพราะตั้งใจปรารถนาเป็นพระโพธิสัตว์ เห็นไหม เสียสละทุกอย่าง ชาติสุดท้ายพระเวสสันดรเสียสละลูก สละเมีย สละช้าง สละสมบัติ สละโอกาสที่จะเป็นกษัตริย์ เพื่ออะไร เพื่อโพธิญาณ การเสียสละอย่างนี้ขึ้นมานี่ ให้หัวใจมันเปิดกว้าง คนใจเปิดกว้าง คนมองปัญหามาก คนเข้าใจปัญหา เห็นไหม คนเรามันจะไม่กดดันไง

ถ้าคนเราคับแคบ มันคิดมาจากจิตเราก่อน มันเริ่มน้อยใจก่อนไง จะน้อยใจไง ฟังสิเวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกกับลูกศิษย์ลูกหา เห็นไหม ในโลกธรรม ๘ นี่ มันมีอยู่แล้วโลกธรรม ๘ ดูสิ ดูอย่างครูบาอาจารย์ของเรานี่ ออกไปช่วยเหลือสังคม เห็นไหม ก็โดนฝ่ายที่เขาไม่เห็นด้วยติเตียน ฝ่ายที่เห็นด้วยก็เชิดชูมากนะ “โอ้โฮ ครูบาอาจารย์เราสุดยอด เราเกิดมานี่มีวาสนาได้พบผู้นำที่ดี” ผู้นำที่ดี เห็นไหม ขาดผู้นำ ถ้าผู้นำที่ดีจะพาสังคมไปทางที่ดี แล้วเราเจอครูบาอาจารย์ที่ดีนะ

แต่ที่เขาไม่เห็นด้วยเขาบอกว่า “ทำไปทำไมกัน” นี่ถ้าหัวใจเป็นพาล “ทำไปทำไมกัน ทำเพื่อเราดีกว่า ทำเพื่อส่วนตัวดีกว่า” สังคมมันมาทีหลัง เห็นไหม แต่ครูบาอาจารย์ ทำเพื่อสังคม ตัวเองจะแบกรับขนาดไหน ดูสิ พระโพธิสัตว์ เวลาไปเป็นหัวหน้าฝูงลิง ไปโดนนายพรานเขาล้อมไว้ ให้ตัวเองนะพาดจากหน้าผาหนึ่งไปอีกฝ่ายหนึ่ง ให้ตัวเองเป็นสะพานนะ ให้พวกลูกน้องข้ามไปก่อน สุดท้ายพยายามเอาตัวรอด เสียสละก่อน เสียสละก่อน เป็นพระโพธิสัตว์เสียสละมาตลอด

เราเสียสละขนาดนี้เพราะอะไร เพราะมีศาสนา มีผู้นำให้เราเสียสละ เสียสละเพื่อใคร? หามานี่ หามาด้วยน้ำพักน้ำแรงของเรานะ แล้วเสียสละเพื่อใคร ก็เสียสละเพื่อใจไง ใจมันตระหนี่ถี่เหนียวมันก็กดดัน มันก็อัดอั้น อั้นในหัวใจเรานี่ เราเสียสละออกไปเพื่อเราๆ แต่สิ่งที่เป็นไป เห็นไหม เนื้อนาบุญของโลก

เวลาครูบาอาจารย์ท่านเป็นเนื้อนาบุญของโลกนี่ เขาแย่งกันทำบุญกุศล เห็นไหม องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านี่ขนาดว่าจองเลยนะ จองเป็นพรรษาๆ ไม่ให้ใครเลย จักรพรรดินิมนต์องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าฉันตลอดไป แล้วลูกชาย ๓ คนออกไปทำสงคราม กลับมา ให้พร ขออะไร? ขอได้อุปัฏฐากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เวลาทุคตะเข็ญใจนิมนต์องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เศรษฐีรู้จะมาขอ จะให้เงินให้ทอง เห็นไหม อย่างนั้นเป็นเนื้อนาบุญของโลก ฝ่ายที่เห็นด้วย

แต่ฝ่ายที่เขาไม่เห็นด้วย เห็นไหม ชาวลัทธิต่างๆ เขาจะกีด เขาจะกัน มันมีสภาวะแบบนี้ จะให้มองโลกนี่เป็น ๒ ด้าน เหรียญมี ๒ ด้าน สิ่งใดที่กระทบกระเทือน สิ่งใดที่ขัดแย้งนี่ อันนี้ถือว่าเป็นกรรม ถ้าเรามีกรรม สภาวะกรรมอย่างนี้ให้มันผ่านพ้นไป ให้มันผ่านพ้นไปนะ ถ้าเราไม่เข้าใจเรื่องกรรมนะ เวลามีอะไรขัดแย้ง อะไรกดดันนี่ เราจะน้อยเนื้อต่ำใจ การน้อยเนื้อต่ำใจนี่ เราจะวิเคราะห์ปัญหานั้น ดูปัญหาได้ไม่ชัดเจน แต่ถ้าเรามีจุดยืนของเรานะ สภาวะกรรมขึ้นมา

ดูอนาถบิณฑิกเศรษฐีสิ เป็นผู้ที่อุปัฏฐาก เป็นผู้ที่สร้างวัดนะ เงินนี่ปูขนาดซื้อที่เลย แต่เวลาถึงคราวเขาทุกข์เขายาก เห็นไหม นี่น้ำเซาะชายตลิ่ง เพราะสมัยโบราณไม่มีธนาคาร เอาสมบัตินี่ฝากไว้ในตลิ่ง น้ำมันเซาะไง ทองนี่ไหลไปหมดเลย แล้วสมบัติหมดตัวเลย แต่ถึงสุดท้ายแล้วนี่เทวดาทนไม่ไหว “เห็นไหม เพราะทำบุญๆ ตอนนี้ไม่มีจะกิน เพราะทำบุญนี่” ขณะนั้นอนาถบิณฑิกเศรษฐีเป็นพระโสดาบันแล้ว ไล่เทวดาออกจากซุ้มประตูไปนะ สุดท้ายแล้วเทวดาไปสารภาพกับพระอินทร์นี่ให้ไปเอาสมบัตินั้นกลับคืนมา ให้ไปเอาสมบัติคืนมาเพราะมันตกไปในกระแสน้ำนั้น สิ่งที่เอากลับคืนมาได้นี่ ฟื้นกลับมาได้

ถึงเวลา ถึงคราววิกฤติ ถ้าคนมีจุดยืน สิ่งที่มีจุดยืนมันมองปัญหาได้ชัดเจน คนเรานี่มันมีคราวทุกข์คราวยาก ตรงนี้มันเป็นธรรมดาเพราะอะไร เพราะโลกนี้เป็นโลกอนิจจัง สัจจะความจริงเป็นแบบนี้ เราอยู่กับสัจจะความจริง อนิจจังเป็นเรื่องของภายนอก แต่ถ้าใจมีจุดยืน อนิจจังก็คืออนิจจัง แต่ใจมันไม่อนิจจังไปด้วย อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน วิกฤติก็กัดฟันทนไป ขณะที่ประสบความสุขก็ไม่ไปตื่นเต้นไปกับเขาจนเกินกว่าเหตุ เวลาลาภมา เวลาเกิดผลประโยชน์ขึ้นมา เราก็รับผลประโยชน์นั้นเพราะอะไร เพราะนี้เป็นผลดี กรรมดีกรรมชั่วไง กรรมดีให้ผลมันก็ให้ผลสิ่งที่ดีมา แต่เราก็ไม่ประมาท ไม่ตื่นเต้นไปกับเขา เราก็เก็บรักษาไว้ รักษาไว้เพื่ออะไร รักษาไว้เพื่อชีวิต รักษาไว้ เห็นไหม

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกไว้ในนวโกวาท ถ้าเราหาสมบัติมาได้แบ่งเป็น ๔ ส่วน ส่วนหนึ่งเลี้ยงตัวเอง ส่วนหนึ่งไว้ทำทุน ส่วนหนึ่งเอาไว้เลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่ ส่วนที่เหลือค่อยทำบุญกุศล ทำบุญกุศลเพราะอะไร ฝังดินไว้ ฝังดินเพื่ออะไร ก็เพื่อใจเรานี่ไง เพื่อใจเราหนึ่ง เพื่อใจเราประเสริฐขึ้นมา เราสละออกไป คนที่ได้จากเรา ได้รับจากเราไป เห็นไหม ก็เห็นกันอยู่อย่างนี้ สิ่งนี้มันก็เป็นบุญกุศลเกิดขึ้นมาจากใจ พอใจมันเสียสละมันก็มีความชุ่มชื่นขึ้นมา อาหารกาย อาหารใจไง เกิดมาแล้วไม่เสียชาติเกิด เกิดมาไม่เสียชาติเกิดนะ เราความเป็นอยู่ก็เป็นอยู่อย่างนี้ ความเป็นอยู่นะโลกเป็นอย่างนี้ ทุกคนมีคุณค่าอย่างนี้ นี่เรื่องโลกธรรม ๘ เห็นไหม มีลาภเสื่อมลาภ มียศเสื่อมยศ อยู่สภาวะแบบนี้ นี่โลกเป็นอย่างนี้

ถ้าหัวใจล่ะ? ถ้าหัวใจมีคุณค่าขึ้นมา เราเกิดมาแล้วเราได้พัฒนาใจเราด้วย เกิดมาชาติหนึ่ง พระโพธิสัตว์ เห็นไหม ๔ อสงไขย แสนมหากัป ๘ อสงไขย ๑๖ อสงไขยนี่ การเกิดการตายนี่มันพัฒนาจิตใจมาตลอด นี่ที่เขาตัดแต่งพันธุกรรมนี่ เขาตัดแต่งพันธุกรรมกัน เขาอยู่ในห้องวิจัยของเขา เขาจะตัดแต่งพันธุกรรมเพื่อจะให้พืชพันธุ์นี่มันไม่เป็นโรค ให้พันธุ์พืชมันต้านทานกับโรคได้ ให้พันธุ์พืชนี้มันให้ผลมาก เห็นไหม

นี่ก็เหมือนกัน บุญกุศลนี่ถ้าเราสะสมขึ้นมานี่ ใจมันพัฒนาขึ้นมาด้วย ๔ อสงไขย เห็นไหม กว่าจะเป็นพระโพธิสัตว์ กว่าจะตรัสรู้เป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นี่เรามีโอกาส เพราะมีธรรมวินัยนี่ก้าวเดินอยู่แล้ว เราเกิดเป็นชาวพุทธนะ เราเกิดเป็นชาวพุทธเหมือนอยู่ในกระแสของผู้ที่ทำบุญกุศลอยู่แล้ว มันมีโอกาส มันไปตามกระแส

ดูสิ เขายังเฉื่อยชากัน เขายังไม่ขวนขวายของเขา เพราะเขาไม่เห็นคุณค่าของหัวใจไง เขาไม่เห็นคุณค่าของชีวิตของเขาไง เขาเห็นแต่คุณค่าสิ่งที่เป็นเครื่องอาศัย ปัจจัยเครื่องอาศัย เขาไปตื่นเต้นกับอย่างนั้น เห็นไหม แล้วมันเข้ามาถึงใจได้ไหม ความสุขมันเข้ามาถึงใจได้ไหม สิ่งนั้นมันเป็นอามิส ถ้าใจดี สิ่งนั้นเป็นประโยชน์กับเรา เขาเข้าได้แค่อามิส แต่เราเข้าได้ด้วยตัวจริง ตัวจริงคือตัวของใจ ถ้าตัวของใจมันพัฒนาขึ้นมา นี่ตัดแต่งพันธุกรรม เราตัดแต่งของเรา เขาไม่ได้ตัดแต่ง เขาไปหาแต่ดิน เขาไปหาดิน หาสิ่งแวดล้อม หาที่ปลูก เขาหาสภาวะแบบนั้น แต่จริงๆ มันอยู่ที่พันธุ์นี้

แล้วพันธุ์นี้ ดูสิ เวลาเรามาประพฤติปฏิบัติกัน ถ้าจิตมันสงบขึ้นมา ถ้าใจมันพัฒนาขึ้นมาง่าย เวลาจิตมันสงบขึ้นมา เราพัฒนาขึ้นมา จิตมันออกเห็น รู้นิมิตต่างๆ นี่แล้วเราก็ไม่เชื่อกัน มนุษย์เหมือนกัน มีจิตมีใจเหมือนกัน ปฏิบัติเหมือนกัน ทำไมคนนั้นรู้อย่างนี้ คนนั้นรู้อย่างนั้น ทำไมเราไม่รู้ นี่เวลาเรียกร้องผล มันก็จะมาเรียกร้องผลเอาตอนนี้ไง แต่เวลามันสร้างเหตุมันไม่ยอมสร้างไง

มันสร้างเหตุเพราะใจมันน่ะ มันจะมีประโยชน์ขึ้นมานี่ก็เพราะเขาสร้างของเขามา เขาทำของเขามา จิตใจมันไม่เหมือนกัน จิตใจแต่ละดวงใจ พันธุกรรมของเม็ดใจ ใจที่เป็นพันธุ์พืช ใจที่เป็นจิตแท้ๆ นี่ เขาสร้างมาอย่างไร เวลามันเป็นไป ยิ่งสร้างมากยิ่งมีจิตคึกจิตคะนอง จิตคือเห็นสภาวะต่างๆ มาก ยิ่งต้องมีครูบาอาจารย์คอยแก้ไข คอยพยายามพัฒนาเข้ามา เห็นไหม

มันมาจากเหตุนะ มันไม่ใช่มาจากลอยๆ หรอก แต่ถ้ามันเป็นกิเลสนะ เวลามันเป็นกิเลสขึ้นมานี่ ถ้าเราทำกรรมของเราไว้ เวลากิเลสมันเกิดขึ้นมานี่ เวลาเห็นต่างๆ มันเห็นโดยกิเลสมันก็เห็นได้ แต่มันก็ต้องแก้ไข เพราะอะไร สิ่งนี้สภาวะแก้ไขนี่แก้ไขเข้ามาได้ ถ้ามีครูบาอาจารย์ชี้นำเข้ามาได้ เพราะจิตนี่มันแก้ไขได้ ขณะจิตที่เราปรับแต่งจิตเรามาเป็นภพเป็นชาติมา ปรับแต่งมาได้

แล้วในปัจจุบันนี้ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เห็นไหม “ผู้ใดปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม” ธรรมที่สมควรแก่จิต ดูอาหารที่มีคุณภาพสิ อาหารที่มีคุณภาพ อาหารทางโลกเขานี่ เขาใส่สี สีสดสวยมากเลย แต่ไม่มีคุณภาพ อาหารที่มีคุณภาพ อาหารตามธรรมชาตินี่มันไม่สวยงามอย่างนั้น แต่มันมีคุณภาพ เห็นไหม

นี่ก็เหมือนกัน รสของธรรม เห็นไหม รสของธรรมชนะซึ่งรสทั้งปวง มันละเอียดอ่อนอย่างนั้น มันละเอียดอ่อน มันไม่ฉูดฉาด มันไม่โอเวอร์เหมือนโลกเขาหรอก แต่ถ้าเป็นสัจจะความจริง เป็นอริยสัจนี่มันจะละเอียดอ่อนเข้ามา นี่สิ่งนั้นโลกเขาไม่มอง เขาไม่เข้าใจกัน แล้วสิ่งนี้กลับหายากด้วย

ถ้าเรามีของเราขึ้นมา แล้วเราพัฒนาของเราขึ้นมา จิตมันจะแก้ไขจิตเข้ามา ถ้าสมควรแก่ธรรมนี่ มันจะเป็นอริยสัจ มันจะย้อนกลับเข้ามา เห็นไหม นี่อริยสัจทรัพย์จากภายใน ทรัพย์ของเรานี่ทรัพย์โดยอามิส ทรัพย์โดยวัฏฏะ เห็นไหม เพราะเกิดตายๆ นี่บุญพาเกิด ก็ทรัพย์ในวัฏฏะมันหมุนเวียน มันก็เกิดเป็นเทวดา เป็นอินทร์ เป็นพรหม เกิดเป็นมนุษย์ก็มนุษย์ที่ประสบความสำเร็จ มนุษย์ที่มีหัวใจสูง หัวใจสูงนะ ไม่ใช่สถานะสูง

ถ้าสถานะสูง ดูสิ ยาจกเข็ญใจที่หัวใจเขาสูงนี่ เขาออกมาประพฤติปฏิบัติ เขาเป็นพระอรหันต์ได้เหมือนกัน แต่ถ้าสถานะสูงนี่มันเกิดทิฏฐิมานะ มันกลับสูงต่ำไหม แต่ถ้ามันเป็นผลบุญ ถ้าสถานะสูงด้วย จิตใจสูงด้วย มันก็เป็นประโยชน์ ถ้าสถานะสูง จิตใจไม่สูง มันก็เบียดเบียนเขา

แต่ถ้าเป็นธรรมล่ะ เป็นทรัพย์จากภายในล่ะ สถานะนั้นเกิดจากบุญกุศล แต่ถ้าสถานะเกิดจากบุญกุศล แต่อริยทรัพย์เกิดจากการปฏิบัติ เกิดจากธรรม เห็นไหม เกิดจากธรรมที่เรามีโอกาส ที่เราศึกษาของเรา แล้วถ้าเราได้ทำขึ้นมา ดูสิ ทำบุญร้อยหนพันหนไม่เท่ากับถือศีลบริสุทธิ์หนหนึ่ง ถือศีลบริสุทธิ์ร้อยหนพันหนไม่เท่ากันทำสมาธิหนหนึ่ง สมาธิอันนี้มันจะเป็นสมบัติจากภายใน ได้สัมผัส ได้รู้รสของธรรม รสของธรรมชนะซึ่งรสทั้งปวง

นี่ศึกษาจากภายในมาแล้วมันจะมีจุดยืน จะไม่อ่อนไหวไปกับเขา เว้นไว้แต่จริตนิสัย โลภจริต โลภะ เห็นไหม โลภ เชื่อง่าย โทสจริต โกรธง่าย โมหจริต หลงง่าย เชื่อคนง่าย อะไรง่าย เป็นไปอย่างนั้น เรามีจุดยืนของเรา ใครจะพูดอะไรก็แล้วแต่ ฟัง! แต่เราต้องมีปัญญาไตร่ตรอง ปัญญาของเราไตร่ตรองของเรา

ปัญญาของเรา เห็นไหม เราไม่ไปตามกระแส ดูโลกที่ปัจจุบันนี่ ที่ทุกข์ยากอยู่นี่ ประชาสัมพันธ์ การโฆษณาชวนเชื่อ เป็นเหยื่อหมดเลย ใครจะทำอะไรก็แล้วแต่ ต้องทำวิจัยการตลาด แล้วก็ต้องทำสภาวะแบบนั้น มันเป็นความจริงไหม เราใช้สอยขนาดไหน ของในบ้านเต็มบ้านเลย กินแค่อิ่มเดียวเท่านั้นล่ะ ของในบ้านห้อยเต็มหมดเลย กินใช้ไม่หมดหรอก แต่ก็ขวนขวายกันเข้ามา เห็นไหมนี่ปัจจัยเครื่องอาศัย ไปตื่นเต้นกับมันไง

แต่ถ้าดูสิ ดูพระสิ ฉันมื้อเดียวด้วย แถมยังอดอาหารอีกด้วย เพื่ออะไรล่ะ? มันดำรงชีวิตได้อยู่แล้วล่ะ ไม่ตื่นเต้นไปกับเขา เพราะเราปรารถนาสิ่งที่มีคุณค่ามากกว่า ปรารถนาสิ่งที่มีคุณค่าคือหัวใจ ถ้าทำความสงบง่าย ทำสิ่งต่างๆ ง่าย มันทุกข์มาเพื่ออะไร ก็เพื่ออันนี้

ถ้าใจมันสูง ใจมันยกขึ้นมาจากทรัพย์อันละเอียด มันจะพัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆ โลกเป็นสภาวะแบบนั้น ใครติเตียน ใครติฉินนินทา เรื่องของเขา เราขวนขวายของเรา แล้วผลของเราจะได้กับเรา เวลาลมหายใจขาด วัดกันตรงนั้น ดูสิ เวลาคนจะตาย เห็นไหม ถ้าบุญมาก รถม้าจากสวรรค์มารับเลย แต่ถ้าเราทำอย่างนี้เราต้องไปที่ยมบาล ไปแบ่งว่าถูกหรือผิดก่อน สิ่งนั้นไปเพราะอะไร เพราะมันไม่ชัดเจน ถ้าเราทำของเราชัดเจน สรุปผลนี่ชัดเจน มันเป็นไปได้ ใครเชื่อไม่เชื่อแล้วแต่ ความรู้สึกสุขทุกข์อยู่กับใจของเรา แล้วความเป็นไปของเรา เรารู้ของเราเอง เราจะเห็นของเราเอง

เราอาศัยธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ธรรมของครูบาอาจารย์เป็นที่ยึดเหนี่ยว ไม่ให้กิเลสมันมีอำนาจมากกว่า จนทำให้ใจเป็นพาล ใจเป็นพาล ใจเป็นปราชญ์ ใจของเรานี่มันเปลี่ยนแปลงได้ ใจของเรานี่สิ่งที่เราฝึกฝนได้ เราควบคุมได้ สิ่งนี้เราหาได้

เรื่องข้างนอก สังคมข้างนอกมันเป็นส่วนหนึ่ง ใจของเราสำคัญที่สุด เราสำคัญที่สุด เห็นไหม อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน แล้วตนเอาตนพ้นได้จากธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ศึกษามา แล้วกลายเป็นมรรคญาณ เป็นธรรมของเรา ต้องเป็นธรรมของเรา จิตแก้จิต ต้องธรรมเกิดจากจิต ต้องมรรคเกิดจากใจ แล้วปัญญาเกิดจากใจ จักรนี้เคลื่อนแล้วจะชำระกิเลสของใจ ใจนี้จะประเสริฐ เห็นชัดเจนมาก เอวัง